เที่ยววัดร่องขุน

วัดร่องขุ่น

ออกแบบและสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทย สร้างขึ้นด้วยแรงปณิธานที่มุ่ง มั่น รังสรรค์ งานศิลปะที่งดงามแปลกตาผสานวัฒนะธรรมล้านนาอย่างกลมกลืน ทั้งลวดลายปูนปั้นประดับ กระจก และจิตรกรรรมฝาผนัง ขนาดใหญ่ ลักษณะเด่นของวัดคือ พระอุโบสถถูกแต่งด้วยลวดลายกระจกสีเงินแวววาวเป็น เชิงชั้นลดหลั่นกันไป หน้าบันประดับ ด้วยพญานาคมีงวงงาดูแปลกตาน่าสนใจมาก ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภายในพระอุโบสถเป็นฝีมือภาพเขียนของอาจารย์เอง “ผมหวังที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผมให้ปรากฏเป็นงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ชิ้น
หนึ่งของโลกมนุษย์นี้ให้ได้ เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของประเทศชาติของผมไปสู่มวลมนุษยชาติทั้งโลก”

คือคำกล่าวของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดัง ผู้ออกแบบและก่อสร้างวัดร่องขุ่น อันมีชื่อเสียงโด่งดัง  อ. เฉลิมชัย มีแรงบันดาล ใจในการสร้างวัดแห่งนี้อยู่ 3 ประการ คือ เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ซึ่ง อาจารย์บอกว่าผมจึงตั้งความ ปรารถนาที่จะถวายชีวิต ใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตนเอง สร้างงานพุทธศิลป์เพื่อ เป็นงานประจำรัชกาลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ได้ และจะถวายชีวิตไปจนตายคาวัด

วัดร่องขุ่น
 อ. เฉลิมชัยกล่าวว่า
ผมตั้งความหวังที่จะมอบชีวิตในวัยที่มีค่าที่ดีพร้อมที่สุดของอาชีพจิตรกร ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ฝีมือจินตนาการ ให้แก่โลกไปจวบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตผมเริ่มงานก่อนตามตั้งใจไว้ถึง 3 ปี โดยการเริ่มสร้างวัดร่องขุ่น วัดบ้านเกิดของผมเมื่ออายุเพียง 42 ปี ด้วยเงินที่ผมเก็บสะสมไว้กว่า 20 ปี จากการจำหน่ายผลงานศิลปะของผม หวังว่าที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผมให้ปรากฏเป็นงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ชิ้นหนึ่งของโลก มนุษย์ให้ ได้เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของประเทศชาติของผมไปสู่มวลมนุษยชาติทั้งโลกผมเริ่มสร้างอุโบสถ ก่อนเมื่อปี 2540 บนพื้นที่เดิมของวัด 3 ไร่ ผ่านมาบัดนี้ ปี 2547 เข้าปีที่ 7 ที่ผมอุทิศ ตน ผมขยายวัดเป็น 12 ไร่ จากการซื้อที่ดินเพิ่ม และคุณวันชัย วิชญาชาคร ร่วมบริจาคณ เวลานี้อุโบสถเสร็จไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์คาด ว่า ภายนอกจะเสร็จอีก 5-6 ปีข้างหน้า ส่วนภายในซึ่งเป็นงานตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังจะใช้เวลาอีก 8 ปี จึงจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ภายในบริเวณวัดจะประกอบไปด้วยอาคารที่มีลักษณะรูปทรงที่ แตกต่างกันทั้งหมด 9 หลัง เพื่อสร้างให้เป็นเมืองสวรรค์อันยิ่งใหญ่อลังการ ผมคงไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อตกแต่งลวดลายเสร็จหมดทั้ง 9 หลัง เพราะศิลปะยืนยาวแต่ชีวิตสั้น เพียงผมคาดว่าโครงการของสถาปัตยกรรมทั้งหมดคงจะเสร็จภายใน 3 ปี หาก เมื่อผมตาย คณะลูกศิษย์ที่ผมสอนไว้จะสานต่อจินตนาการของผมจนแล้วเสร็จ ทั้งหมดผมได้เตรียมการบริหาร จัดการหลังความตายไว้พร้อมแล้ว่านที่มาเยี่ยมชมวัดแล้วอย่ากังวลใจ กลัวว่าผมจะสร้างไม่เสร็จเพราะสาเหตุ ที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก และยังจำกัดจำนวนเงินของผู้บริจาคไม่ให้เกิน10000 บาทเงินไม่ใช่ปัญหา ใหญ่สำหรับ ผมมาวันนี้ผมจ่ายไปแล้ว กว่า 30ล้านบาท ผมมั่นใจในตนเอง มั่นใจต่อจิตอันเป็นผู้ให้ ของผม ขอทุกท่าน อย่าได้ เป็นห่วงผมไม่ปรารถนาขอเงินใครไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลองค์กรเอกชนหรือเศรษฐีผู้ร่ำรวยเพระผมไม่อยาก อยู่ใต้ อำนาจ ทางความคิดของใครไม่ต้องการให้ใครมีอำนาจเหนือจินตนาการของผมผมต้องการอิสรภาพทางความคิด สร้างสรรค์ผมเชื่อว่า เงินจำนวนมาย่อมมาพร้อมอำนาจจองผู้บริจาค ผมสร้างงานพุทธศิลป์ด้วยความศรัทธาจริต ไม่ได้มุ่งหวังสิ่งใดๆ ตอบแทน ไม่ต้องการและไม่ชอบการทำบุญ เอาหน้าวัดนี้ไม่เคยเรี่ยไรเงินด้วยกฐินผ้าป่า วัดนี้ไม่รีบร้อนสร้างเพื่อฉลองในโอกาสใดๆ ทั้งสิ้น ผมคิดเพียงอย่าง เดียวต้องดีที่สุดสวยที่สุดสร้างจนหมด ภูมิปัญญาทางโลกและทางธรรมของผม ผมสร้างวัดโดยไม่เคยเรี่ยไรเงิน จากใครผมต้องการปัจจัยที่มาจากแรง ศรัทธาอันบริสุทธิ์ใจของชาวพุทธ ที่ปรารถนาจะช่วยกันค้ำจุนพระศาสนา และงานพุทธศิลปของชาติเท่านั้น ผมไม่ การต้องปัจจัยจากผู้ที่หวังผลประโยชน์จากการบริจาค”
(คัดลอกจากเอกสารวัดร่องขุน โดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์)
วัดร่องขุ่น วัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น วัดร่องขุ่น
อุโบสถวัดร่องขุ่น ที่ อ. เฉลิมชัย ได้สรรค์สร้างขึ้นมาล้วนแต่มีความหมายยิ่ง
โบสถ์ เพราะอาจารย์อยากจะเนรมิตวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้โบสถ์ เปรียบ เหมือนบ้านของพระพุทธเจ้า
สีขาว แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า
กระจกขาว หมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์ และจักรวาล 
สะพาน
 หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ
ครึ่งวงกลมเล็ก หมายถึง โลกมนุษย์
วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ที่จะเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตให้ ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านขึ้นไปพบกับพระราหูอยู่เบื้องซ้าย และพญามัจจุราชอยู่เบื้องขวา
อสูรกลืนกัน16 ตน บนสันของสะพาน หมายถึง อุปกิเลส 16 จากนั้นก็จะถึง
กึ่งกลางสะพาน หมายถึง เขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทวดา
สระน้ำด้านล่าง หมายถึง สีทันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ด้วยกัน 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่พรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอกรอบพระอุโบสถ
ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่ควรกราบไหว้บูชา
ครึ่งวงกลมก่อนขึ้นบันได หมายถึง โลกุตตรปัญญา บันไดทางขึ้น 3 ขั้นแทน อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ผ่านแล้วจึ้งขึ้นไปสู่อรูปพรหม 4 แทนด้วย
ดอกบัวทิพย์ 4 ดอกและบานประตู4บานบานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง ซึ่งหมายถึงความ หลุดพ้น แล้วจึงก้าว ข้ามธร ีประตูเข้าสู่พุทธภูมิภายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมด ผนัง 4 ด้าน เพดานและพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดง ถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตตรธรรม ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ ได้นำหลักการของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ
คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่างคือความหลุดพ้นนั่นเอง
วัดร่องขุ่น วัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น วัดร่องขุ่น
 
ภาพวัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น วัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น วัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น วัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น วัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น วัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น วัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น วัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น วัดร่องขุ่น

ที่มา:http://www.paiduaykan.com/76_province/north/chiangrai/rongkhun.html

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น